วันพฤหัสบดีที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2558

การเดินทางไปงานประเพณีผีตาโขน
      จากกรุงเทพฯ ( ห้างฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต ) ใช้ถนนพหลโยธิน ( ทางหลวงหมายเลข 1 ) มุ่งหน้าสู่จังหวัดสระบุรี ประมาณ 75 กิโลเมตร จะถึงตัวเมืองสระบุรี จากนั้นขับตรงไปมุ่งหน้าสู่จังหวัดลพบุรี ประมาณ 16 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวขวาไปทางจังหวัดเพชรบูรณ์ ( ทางหลวงหมายเลข 21 ) เมื่อเลี้ยวขวาแล้วขับตรงไปมุ่งหน้า อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ประมาณ 269.4 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาย 203 ขับตรงไป ประมาณ55.8 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาย 2014 ขับตรงไปประมาณ 10.6 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวขวา ไปทางอำเภอ ด่านซ้าย แล้วขับตรงไปประมาณ 800 เมตร ทางด้านซ้ายมือ คือ งานผีตาโขน

การปกครองส่วนภูมิภาค
อำเภอด่านซ้ายแบ่งเขตการปกครองย่อยออกเป็น 10 ตำบล 98 หมู่บ้าน ได้แก่
1.ด่านซ้าย(Dan Sai)  15 หมู่บ้าน 6.อิปุ่ม(Ipum) 13 หมู่บ้าน
2.ปากหมัน(Pak Man) 7 หมู่บ้าน      7.กกสะทอน(Kok Sathon)  11 หมู่บ้าน
3.นาดี(Na Di) 9 หมู่บ้าน 8.โป่ง (Pong) 11 หมู่บ้าน
4.โคกงาม(Khok Ngam) 7 หมู่บ้าน 9.วังยาว(Wang Yao)  7 หมู่บ้าน
5.โพนสูง(Phon Sung) 9 หมู่บ้าน 10.นาหอ(Na Ho) 9 หมู่บ้าน

การปกครองส่วนท้องถิ่น
ท้องที่อำเภอด่านซ้ายประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 11 แห่ง ได้แก่
เทศบาลตำบลด่านซ้าย ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของตำบลด่านซ้าย
เทศบาลตำบลศรีสองรัก ครอบคลุมพื้นที่ตำบลด่านซ้าย (เฉพาะนอกเขตเทศบาลตำบลด่านซ้าย)
องค์การบริหารส่วนตำบลปากหมัน ครอบคลุมพื้นที่ตำบลปากหมันทั้งตำบล
องค์การบริหารส่วนตำบลนาดี ครอบคลุมพื้นที่ตำบลนาดีทั้งตำบล
องค์การบริหารส่วนตำบลโคกงาม ครอบคลุมพื้นที่ตำบลโคกงามทั้งตำบล
องค์การบริหารส่วนตำบลโพนสูง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลโพนสูงทั้งตำบล
องค์การบริหารส่วนตำบลอิปุ่ม ครอบคลุมพื้นที่ตำบลอิปุ่มทั้งตำบล
องค์การบริหารส่วนตำบลกกสะทอน ครอบคลุมพื้นที่ตำบลกกสะทอนทั้งตำบล
องค์การบริหารส่วนตำบลโป่ง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลโป่งทั้งตำบล
องค์การบริหารส่วนตำบลวังยาว ครอบคลุมพื้นที่ตำบลวังยาวทั้งตำบล
องค์การบริหารส่วนตำบลนาหอ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลนาหอทั้งตำบล

การทำหมวกผีตาโขน
       1. ไม้นุ่น
       2. คัตเตอร์
       3. พู่กัน
       4. สีน้ำ สีน้ำมัน
       5. แลกเกอร์
       6. กระดาษทราย

วิธีทำหมวกผีตาโขน
1. นำไม้นุ่นที่ตากแห้งแล้วมาตัดและเหลาให้ขึ้นรูปผีตาโขนครึ่งตัว (เริ่มจากรูปหัว ตัว และหน้า)
2. ขัดด้วยกระดาษทรายให้เรียบ
3. รองพื้นด้วยสีขาว นำไปผึ่งให้แห้ง (ประมาณ 30 นาที)
4. ระบายสีเป็นรูปหน้ากากผีตาโขน (ตามความถนัด) ถ้าเป็นสีน้ำต้องเคลือบด้วยแลกเกอร์ แต่ถ้าเป็นสีน้ำมันไม่ต้องเคลือบอีก
5. นำลงในบรรจุภัณฑ์ที่สานด้วยไม้ไผ่ ติดฉลาก เตรียมจำหน่าย

ตำนานเรื่องเล่า
       ที่มาของผีตาโขนพระเอกของงานนี้ นับเป็นอุบายอันแยบคายเฉพาะของบรรพบุรุษเมืองด่านซ้ายให้เด็ก ๆ ในเมืองเล่นสนุกกันเป็นการส่งท้ายงานบุญโดยจับเอา เวสสันดรชาดก พระชาติที่ 10 ที่สำคัญที่สุดของพระพุทธเจ้าในตอนที่พระเวสสันดรจะได้กลับคืนพระนคร บรรดาผีป่าทั้งหลายต่างพากันมาส่งเสด็จจนถึงในเมือง เมื่อเข้าเมืองด้วยความเป็นผีป่าไม่เคยเข้าเมือง ก็เลยออกพากันตระเวณเที่ยวเมือง โดยไม่ได้ทำอันตรายใคร แต่ด้วยความที่เป็นผี เมื่อชาวเมืองไปพบเข้าจึงตกใจกลัว สัญชาตญาณผีก็อดที่จะแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกชาวบ้านไม่ได้เมื่อได้เวลาบรรดาผีป่าก็จะพากันออกนอกเมืองกลับคืนสู่ป่า พร้อม ๆ กับนำพาความโชคร้ายและทุกข์โศกโรคภัยทั้งปวงออกจากเมืองไปด้วยประเพณีแห่ผีตาโขน เป็นงานประเพณีเล็ก ๆ ที่เล่นกันอยู่ในขอบเขตอำเภอเล็ก ๆ คืออำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย แต่ด้วยรูปแบบและเนื้อหาของงานที่เป็นเรื่องผี ๆ แต่เป็นผีน่ารักน่าสนุกจึงน่าสนใจยิ่งสำหรับมนุษย์งานเล็กจากอำเภอเล็ก ๆ งานนี้ สุดท้ายจึงก้าวออกไปเป็นงานประเพณีที่เชิดหน้าชูตาของภูมิภาคอีสาน และกลายเป็นงานประเพณีระดับชาติ ทุกปีจะมีชาวต่างประเทศจากทั่วโลกเดินทางไปเที่ยวชมงานผี ๆ งานนี้กันปีละไม่ใช่น้อย งานประเพณีแห่ผีตาโขน เป็นการรวมงานสำคัญของท้องถิ่นสามงานเข้าด้วยกันคือ งานบุญผะเหวด หรือบุญพระเวส อันเป็นงานฉลองการฟังเทศน์มหาชาติ งานแห่ผีตาโขน และงานบุญบั้งไฟ เข้าด้วยกัน
รูปแบบประเพณี
       งานประเพณีแห่ผีตาโขน ผูกพันแนบแน่นกับองค์พระธาตุศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองคือ องค์พระธาตุศรีสองรักษ์ ที่เชื่อกันว่าสร้างขึ้นโดยพระมหาจักรพรรดิฝ่ายกรุงศรีอยุธยาและพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชฝ่ายกรุงศรีสัตนาคนหุด เพื่อเป็นประจักษ์พยานถึงมิตรภาพระหว่างกันวงจรของประเพณีผีตาโขน เริ่มต้นขึ้นโดยบุคคลศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองสองคนคือ เจ้าพ่อกวนและเจ้าแม่นางเทียม ที่มีฐานะเป็นดังผู้วิเศษหมอผี และครูใหญ่ของเมืองที่มีหน้าที่หลักในการดูแลองค์พระธาตุศรีสองรัก พระธาตุคู่เมืองด่านซ้ายโดยเจ้าพ่อกวนและเจ้าแม่นางเทียม จะเป็นจุดเริ่มต้นวงจรของประเพณีนี้เริ่มต้นจากพิธีบายศรีที่บ้านของเจ้าพ่อกวนและเจ้าแม่นางเทียมในภาคเช้าและระหว่างที่พิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์กำลังดำเนินอยู่นั่นเอง เด็ก ๆ ในทุกบ้านเรืองของเมืองด่านซ้ายก็จะช่วยกันจัดหาเศษผ้ามาเย็บเป็นเสื้อผ้าของผีตาโขน หาอุปกรณ์คือหวดนึ่งข้าวเหนียวและแกนก้านมะพร้าวมาทำหน้ากากผีตาโขนด้วยการวาดลวดลายเพิ่มสีสันเป็นผีตาโขนที่หน้าตาโหดร้ายน่ากลัว หา "หมากกะแหล่ง" หรือกระดึงผูกคอวัวควายมาทำเป็นเครื่องประดับ และที่สำคัญที่สุดที่ผีตาโขนหลายตัวประณีตบรรจงประดิดประดอยเป็นที่สุดก็คือ อาวุธของผีตาโขนเป็นดาบใหญ่ ทำด้วยไม้มีทีเด็ดของดาบอยู่ที่ปลายด้ามดาบที่ทำเป็นรูปปลัดขิกอันโต ทายอดกลม ๆ เป็นสีแดงแจ๋ เอาไว้ไล่จิ้มสาว ๆ ในเมืองโดยเฉพาะในภาคบ่ายจะเป็นพิธีการในฝ่ายราชการ เป็นการแห่ผีตาโขน โดยจัดรูปขบวนแห่ อันประกอบด้วยผีตาโขนใหญ่ ที่ทำเป็นหุ่นใหญ่คล้ายหัวโตของภาคกลาง และผีตาโขนเล็ก เป็นเด็ก ๆ ผู้ชายในเมืองเกือบทั้งหมด ภาคค่ำเป็นการชุมนุมกันฟังเทศน์มหาชาติของผู้เฒ่าผู้แก่และผู้ใหญ่ในเมืองส่วนในวันที่สอง ตั้งแต่เช้าเป็นการออกอาละวาดไปทั่วเมืองของชาวผีตาโขน และตกช่วงบ่ายจะเป็นพิธีจุดบั้งไฟขอฝน เป็นอันหมดสิ้นประเพณีแห่ผีตาโขนรวม 2 วันกับหนึ่งคืนด้วยกัน

จุดเด่นของพิธีกรรม
      จุดเด่นที่สุดของงานนี้จะมีอยู่ด้วยกันสองช่วงคือ ภาคบ่ายวันแรกอันเป็นขบวนแห่ผีตาโขนอันน่าสนุกสนานและสวยงาม และวันที่สองช่วงสายที่ผีตาโขนจะออกอาละวาดไปทั่วเมือง

ต้นกำเนิดผีตาโขน      
       ที่มานั้นไม่ชัดเจน แต่กล่าวกันว่าเป็นประเพณีที่ใกล้เคียงกับการบูชาบรรพบุรุษของอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง (ในอดีตแนวเขตแดน ด่านซ้าย เชียงคาน และหล่มเก่า เป็นส่วนหนึ่งในการปกครองของอาณาจักรล้านช้างร่มขาวหลวงพระบาง) ในอีกที่มาหนึ่งกล่าวกันว่า การแห่ผีตาโขนเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่พระเวสสันดรและนางมัทรีจะเดินทางออกจากป่า กลับสู่เมืองบรรดาผีป่าหลายตนและสัตว์นานาชนิดอาลัยรักจึงพาแห่แหนแฝงตัวแฝงตน มากับชาวบ้านเพื่อมาส่งทั้งสองพระองค์กลับเมือง เรียกกันว่า “ผีตามคน” หรือ “ผีตาขน” จนกลายมาเป็น “ผีตาโขน” อย่างในปัจจุบัน

ชนิดของผีตาโขน
 ผีตาโขน ในขบวนแห่จะแยกเป็น 2 ชนิดคือ ผีตาโขนใหญ่และผีตาโขนเล็ก
     ผีตาโขนใหญ่  ทำเป็นหุ่นรูปผีทำจากไม้ไผ่สานมีขนาดใหญ่กว่าคนธรรมดาประมาณ 2 เท่าประดับตกแต่งรูปร่างหน้าตาด้วยเศษวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น เวลาแห่ คนเล่นจะต้องเข้าไปอยู่ข้างในตัวหุ่น แต่ละปีจะทำผีตาโขนใหญ่เพียง 2 ตัว คือผีตาโขนชาย1ตัวและหญิง1ตัว สังเกตจากเครื่องเพศปรากฏชัดเจนที่ตัวหุ่น ผู้มีหน้าที่ทำผีตาโขนใหญ่จะมีเฉพาะกลุ่มเท่านั้น เพราะคนอื่นไม่มีสิทธิ์ทำ การทำก็ต้องได้รับอนุญาตจากผีหรือเจ้าก่อน ถ้าได้รับอนุญาตแล้วต้องทำทุกปีหรือทำติดต่อกันอย่างน้อย 3 ปี
     ผีตาโขนเล็ก ผีตาโขนเล็กเป็นการละเล่นของเด็ก ไม่ว่าเด็กเล็ก เด็กวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ ทั้งผู้หญิงชาย มีสิทธิ์ทำและเข้าร่วมสนุกได้ทุกคน แต่ผู้หญิงไม่ค่อยเข้าร่วมเพราะเป็นการเล่นค่อนข้างผาดโผนและซุกซน ผู้เข้าร่วมในพิธีนี้จะแต่งกายคล้ายผีและปีศาจใส่หน้ากากขนาดใหญ่ เครื่องแต่งกายของผีตาโขน ส่วนใหญ่มักประกอบด้วย
     ส่วนหัวหรือที่เรียกว่าหน้ากากนั้น ทำด้วย "หวด" หรือภาชนะที่ใช้นึ่งข้าวเหนียว ซึ่งเป็นส่วนด้านบนดูคล้ายหมวก ส่วนหน้านั้นทำจากโคนก้านมะพร้าว นำมาตัดปาดให้เป็นรูปหน้ากากและเจาะช่องตา จมูกนั้นทำจากไม้เนื้ออ่อน แกะให้เป็นรูปทรงต่าง ๆ ตามแต่จินตนาการของผู้สร้างสรรค์ โดยทำเป็นลักษณะยาวแหลมคล้ายงวงช้าง ส่วนเขานั้นทำจากปลีมะพร้าวแห้ง โดยนำส่วนประกอบต่าง ๆ มาเย็บติดเข้าไว้ด้วยกัน และทาสีสันวาดลวดลายไปบนด้านหน้าของหน้ากากนั้น ๆ หลังจากนั้นจะเย็บเศษผ้าติดไว้บริเวณด้านบน(หลัง) เพื่อให้คลุมส่วนคอของผู้ใส่ไปจนถึงไหล่
     ด้านเสื้อผ้าหรือเครื่องแต่งกาย นั้น เป็นชุดที่ทำจากเศษผ้านำมาเย็บติดกัน และมี "หมากกะแหล่ง" หรือกระดิ่ง (คล้ายกับที่แขวนคอโค, กระบือ) แขวนผูกไว้บริเวณเอว เพื่อให้เกิดเสียงดังเป็นจังหวะเวลาเดิน และส่ายสะโพก
     ส่วนประกอบสุดท้าย คือ ดาบหรือง้าว ที่จะทำจากไม้เนื้ออ่อน ในขบวนแห่จะประกอบไปด้วยการร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนาน

การละเล่นผีตาโขน
       เนื่องจากงานประเพณีผีตาโขนเป็นงานบุญใหญ่ซึ่งเรียกกันว่างานบุญหลวง จัดขึ้นที่วัดโพนชัย อ.ด่านซ้าย โดยมีการละเล่นผีตาโขน มีการเทศน์มหาชาติ มีการทำบุญพระธาตุศรีสองรักและงานบุญต่างๆเข้ามาผสมอยู่รวม ๆ กัน จึงมีการจัดงานกัน 3 วัน
       วันแรก เริ่มพิธีตอนเช้า 04.00-05.00 น. คณะแสนหรือข้าทาสบริวารของเจ้าพ่อกวนจะนำอุปกรณ์ มีด ดาบ หอก ฉัตร พานดอกไม้ ธูปเทียน ขันห้าขันแปด(พานดอกไม้ 5 คู่ หรือ 8 คู่) ถือเดินนำขบวนไปที่ริมแม่น้ำหมัน เพื่อนิมนต์พระอุปคุตต์ พระผู้มีฤทธานุภาพมาก และมักเนรมิตกายอยู่ในมหาสมุทร เพื่อป้องกันภัยอันตราย และให้เกิดความสุขสวัสดี เมื่อถึงแล้วผู้อันเชิญต้องกล่าวพระคาถาและให้อีกคนลงไปในน้ำ งมก้อนหินใต้น้ำขึ้นมา ถามว่า “ใช่พระอุปคุตต์หรือไม่” ผู้ที่ยืนอยู่บนฝั่งตอบว่า “ไม่ใช่” พอก้อนหินก้อนที่ 3 ให้ตอบว่า “ใช่ นั่นแหละพระอุปคุตต์ที่แท้จริง” เมื่อได้พระอุปคุตต์มาแล้ว ก็นำใส่พาน แล้วนำขบวนกลับที่หอพระอุปคุตต์ ทำการทักขิณาวัฏ 3 รอบ มีการยิงปืนและจุดประทัด ซึ่งช่วงเวลานั้นบรรดาผีตาโขนที่นอนหลับหรืออยู่ตามที่ต่างๆก็จะมาร่วมขบวนด้วยความยินดีปรีดา เต้นรำ เข้าจังหวะกับเสียงหมากกระแร่ง ซึ่งเป็นกระดิ่งผูกคอวัวหรือกระดิ่งให้ดังเสียงดัง
        วันที่สอง เป็นพิธีแห่พระเวส ในขบวนประกอบด้วย พระพุทธรูป 1 องค์ พระสงฆ์ 4 รูป นั่งบนแคร่หามตามด้วย เจ้าพ่อกวน นั่งอยู่บนกระบอกบั้งไฟ ท้ายขบวนเป็นเจ้าแม่นางเทียม กับบริวาร ชาวบ้าน และเหล่าผีตาโขน เดินตามเสด็จไปรอบเมือง ก่อนตะวันตกดิน สำหรับคนที่เล่นเป็นผีตาโขนใหญ่ ต้องถอดเครื่องแต่งกายผีตาโขนใหญ่ออกให้หมดและนำไปทิ้งในแม่น้ำหมัน ห้ามนำเข้าบ้าน เป็นการทิ้งความทุกข์ยากและสิ่งเลวร้ายไป รอจนปีหน้าฟ้าใหม่แล้วค่อยทำเล่นกันใหม่
        วันที่สาม เป็นการรวมเอางานบุญประเพณีประจำเดือนต่างๆของปีมารวมกันจัดในงานบุญหลวง ประชาชนจะมานั่งฟังเทศน์มหาชาติ 13 กัณฑ์ ที่วัดโพนชัย เพื่อเป็นการสร้างกุศลและเป็นมงคลแก่ชีวิต
        งานประเพณีบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน ถือเป็นงานที่แสดงออกถึงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านอันดีงามที่เป็นเอกลักษณ์ของอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย
ส่วนเครื่องแต่งตัวประกอบของผีตาโขน
ส่วนเครื่องแต่งตัวประกอบที่เป็นเอกลักษณ์ของผีตาโขนคือ"หมากกะแหล่ง"และดาบไม้
      หมากกะแหล่ง คือเครื่องดนตรีรูปร่างคล้ายกระดิ่งหรือกระดึงแขวนคอวัว ผีตาโขนจะใช้หมากกะแหล่งแขวนติดบั้นเอวเมื่อเดินโยกตัวหรือเต้นเป็นจังหวะ ขย่มตัวสายสะโพกเสียงหมากกะแหล่งก็จะดังเสียงน่าฟังและน่าสนุกสนาน
     ดาบไม้  เป็นอาวุธประจำกายผีตาโขนไม่ได้เอาไว้รบกัน แต่เอาไว้ควงหลอกล่อและไล่จิ้มก้นสาวๆ ซึ่งก็จะร้องวิ๊ดว้ายหนีกันจ้าละหวั่น ทั้ง อายทั้งขำ แต่ไม่มีใครถือสา เพราะเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันมา เหตุที่วิ่งหนีเพราะปลายดาบนั้นแกะสลักเป็นรูปอวัยวะเพศชายแถมทาสีแดงให้เห็นอย่างเด่นชัด การเล่นแบบนี้ไม่ถือเป็นเรื่องหยาบ หรือลามกเพราะมีความเชื่อกันว่าหากเล่นตลกและนำอวัยวะเพศชายหญิงมาเล่นมาโชว์ในพิธีแห่และงานบุญบั้งไฟจะทำให้พญาแถนพอใจ ฝนจะตกต้องตามฤดูกาล พืชพันธุ์ธัญญาหารจะอุดมสมบูรณ์
ไหว้พระธาตุแห่งสัจจะเยือนถิ่น ผีตาโขน
        กล่าวถึงวัฒนธรรมผีตาโขนคงหนีไม่พ้นแดนดินถิ่นอีสาน โดยเฉพาะถิ่นอีสานเหนือที่ชื่อว่า ด่านซ้าย  ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่ตกทอดสืบต่อกันมาอย่างยาวนานนับร้อย ๆปี และยังคงเอกลักษณ์ความเป็นการละเล่นที่สวยงามเต็มไปด้วยพลังแห่งความเชื่อศรัทธาวัฒนธรรมและวิถีชีวิต หากวัฒนธรรมลูกอีสานมาจวบจนปัจจุบันเป็นทีรู้จักกันดีทั้งในและต่างประเทศ เป็นวัฒนธรรมที่ใครหลาย ๆคนอยากมาสัมผัสสักครั้งในชีวิต นอกจากเป็นดินแดนแห่งวัฒนธรรมแล้ว ที่แห่งนี้ยังมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจองย่างยิ่งเคยเป็นดินแดนแห่งสัจจะและมีองค์พระธาตุศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองเลยตั้งอยู่ก็คือองค์พระธาตุศรีสองรัก ซึ่งเป็นหนึ่งขององค์พระธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องเข้ามา กราบไหว้ขอพรซักครั้งในชีวิตครับ  แม้วันนี้หมู หิน.คอม ไม่ได้เดินทางมาในช่างบุญหลวงหรือประเพณีการเล่นผีตาโขน แต่คราวนี้เราก็มีพิพิธภัณฑ์ผีตาโขนให้ได้ชมกันแบบเต็มอิ่ม ซึ่งเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่สืบทอดกันมาจนกลายเป็นสมบัติของท้องถิ่นที่ชาวด่านซ้ายเขาร่วมแรงร่วมใจกันรักษาไว้ให้คงอยู่กับสังคมไทยต่อไปครับ สุดยอดไปเลยพี่น้องเรา ชาวไทยด่านทริปนี้ หมูหิน.คอม พาเพื่อนๆ  มาเที่ยวชิมรางกันแบบเต็มอิ่มก่อนที่ประเพณีบุญหลวง หรือประเพณีเล่นผีตาโขนของชาวด่านซ้ายจะวนเวียนมาถึงอีกครั้งในปีนี้ครับ เราเริ่มด้วยการเข้าไปชมและศึกษาวัฒนธรรมผีตาโขนที่พิพิธภันฑ์ท้องถิ่นภายในวัดโพนชัย จากนั้นเดินทางเพียงไม่กี่ก้าวเพื่อไปกราบไหว้ขอพรองค์พระธาตุศรีสองรัก สัญลักษณ์แห่งมิตรภาพระหว่างลาวกับไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นองค์พระธาตุที่เชื่อกันว่าได้มาไหว้ขอพรแล้วจะสมดังใจปารถนา แต่คุณผู้หญิงต้องทำใจก่อนนะครับเพราะภายในบริเวณฐานองค์พระธาตุไม่อนุญาต ให้คุณผู้หญิงเข้าไปกราบไหว้ได้ ไหว้ขอพรได้เฉพาะด้านนอกเท่านั้น แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญใช่ไหมครับ สิ่งสำคัญมันอยู่ที่จิตใจอันบริสุทธิ์บวกกับพลังศรัทธาของเราเท่านั้นครับ ไปกันเลย
       พิพิธภัณฑ์ผีตาโขน วัดโพนชัย (ชาวบ้านนิยมเรียกว่าวัดโพน) ตั้งอยู่บนเนินสูงทางทิศใต้ของอำเภอด่านซ้าย  ห่างจากลำน้ำหมันประมาณ  300  เมตร  สำหรับน้ำหมันตรงนั้น เรียกว่าวังเวิน บริเวณที่ตั้งวัดเป็นรูปเนิน มีเรื่องเล่าว่าดินเนินเป็นมูลขุยของพญานาค  มีรูจากศูนย์กลางลงไปที่ท่าวังเวิน  รูนี้เรียกว่ารูพญานาค  ที่รูนี้สมัยเก่าแก่ได้สร้างพระวิหารครอบเอาไว้ และสร้างพระพุทธรูปประธานองค์ใหญ่ตรงรูพญานาคนั้นไว้   วัดโพนชัย เป็นวัดคู่เมืองของอำเภอด่านซ้ายสร้างขึ้นพร้อมกับพระธาตุศรีสองรัก  ประมาณ  พ.ศ. 2103 เข้าใจว่าพระเถระของกรุงศรีอโยธยา  5  ตน  และจากกรุงศรีสัตนาคณหุต  5  ตน ที่ทำสัตยาบัน (หล่อน้ำสัจจาตามศิลาจารึก) สร้างพระธาตุศรีสองรักได้มาพำนักอยู่ที่วัดนี้  จึงมีพระธาตุศรีสองรักจำลอง  อยู่ทางทิศใต้ของพระวิหาร  1  องค์ ขนาดกว้าง  3.75 เมตร  สูง  15  เมตร ที่วัดนี้มีการทำบุญมหาชาติในเดือน 7 หลังจากเสร็จงานพระธาตุศรีสองรักเป็นประจำทุกปีไม่ ชาวบ้านเรียกว่าบุญหลวง ในงานนี้จะมีผีตาโขนเล็ก ผีตาโขนน้อยมาเล่นในงานนับร้อย ปัจจุบันวัดโพนชัยเป็นสถานที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์ผีตาโขน สถานที่จัดแสดงเป็นบ้านเรือนไม้ขนาดพอประมาณ ซึ่งชาวด่านซ้ายได้ร่วมมือกันจัดสร้างขึ้น ภายในจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเมืองด่านซ้าย นิทรรศการผีตาโขน การสาธิตทำหน้ากากผีตาโขนและมีสินค้าของที่ระลึกผีตาโขนในรูปแบบต่างๆ สามารถเข้าชมและเลือกซื้อสินค้าได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-17.00 น.
       ประเพณีผีตาโขนเป็นประเพณีการละเล่นพื้นบ้านที่แสดงออกถึงวัฒนธรรมอันดีงามน่าภูมิใจของชาวไทยด่าน หรือพี่น้องชาวด่านซ้ายในปัจจุบัน  เทศกาลงานบุญผีตาโขนเป็นส่วนหนึ่งของงานบุญหลวง ซึ่งถือเป็นงานบุญใหญ่ประจำปีของชาวท้องถิ่น ซึ่งเป็นการรวมเอางานบุญพระเวสและบุญบั้งไฟเขามาไว้เป็นงานบุญเดียวกันและในช่างถึงงานบุญ ตามขบวนแห่และตามท้องถนน ในเมืองด่านซ้ายก็จะมีกองทัพผีตาโขนออกมาเต้นวาดลวดลายให้ชมกันอย่างมากมาย
       ที่มาของการแห่ผีตาโขนนั้น ชาวบ้านเชื่อกันว่า เมื่อครั้งที่พระเจ้ากรุงสัญชัยกับพระนางผุสดีไปเชิญเสด็จพระเวสสันดรกับพระ นางมัทรีกลับเมืองนั้น คนป่าหรือผีป่าที่เคยปรนนิบัติและเคารพรักพระเวสสันดรได้ร่วมขบวนแห่แหนไป ด้วย ผีตาโขนก็คือภาพจำลองของคนป่าหรือผีป่าเหล่านั้นและมีการละเล่นสืบต่อกันจนถึงปัจจุบัน  ปัจจุบันงานแห่ผีตาโขนจึงจัดให้มีขึ้นในงานประเพณีบุญพระเวสและงานบุญบั้งไฟ ในช่วงเดือน 7  หรือราวเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ของทุกปี
        ผีตาโขนมีสองแบบ แบบแรกคือผีตาโขนเล็ก เป็นแบบที่เราเห็นชาวด่านซ้ายจำนวนมากแต่งร่วมไปในขบวนแห่ อีกแบบคือผีตาโขนใหญ่ เป็นหุ่นโครงไม้ไผ่สานขนาดใหญ่กว่าตัวคนประมาณ 2  เท่า เวลาแห่ต้องมีคนเข้าไปอยู่ในตัวหุ่นแต่ละปีจะมีการทำผีตาโขนใหญ่เพียง 2  ตัว เป็นเพศชาย 1  ตัว และหญิง 1 ตัว ส่วนหน้ากากผีตาโขนทำจากวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น คือหวดนึ่งข้าวเหนียวที่นำมาหักพับให้มีลักษณะคล้ายโครงหมวกเพื่อสวมครอบ ศีรษะได้ แล้วนำหน้ากากที่ทำจากส่วนโคนกาบมะพร้าวมาเย็บติดกับโครงหวด จากนั้นก็เจาะช่องตา ติดจมูก ติดเขา ตกแต่งให้สวยงามด้วยสีน้ำมันและเศษผ้าสีสันฉูดฉาดเอกลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของผีตาโขน คือดาบไม้และหมากกะแล่งลักษณะคล้ายกระดิ่งซึ่งจะแขวนไว้บริเวณบั้นเอว เมื่อผีตาโขนโยกตัวส่ายสะโพกจะเกิดเสียงดังเข้ากันเป็นจังหวะ
     หลังจากที่เราชื่นชมและศึกษาวัฒนธรรม พื้นบ้านอย่างผีตาโขนกันแบบถึงแก่นแล้ว เราก็เดินทางไปยังพระธาตุศรีสองรัก  ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำหมัน ห่างจากตัวอำเภอด่านซ้ายประมาณ 1 กิโลเมตรเท่านั้น  พระธาตุศรีสองรักมีรูปทรงลักษณะศิลปกรรมแบบล้านช้าง องค์พระธาตุสูง 19.19 เมตร ฐานกว้างด้านละ 10.89 เมตร ฐานเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ย่อมุมไม้สิบสอง องค์ระฆังทรง  บัวเหลี่ยม  คล้ายพระธาตุพนม พระธาตุหลวง (เวียงจันทน์)
        พระธาตุศรีสองรักสร้างขึ้นถวายเป็นอุเทสิกเจดีย์ สร้างขึ้นสมัยกรุงศรีอยุธยา พ.ศ. 2103 เสร็จในปี พ.ศ.2106 พระธาตุศรีสองรักสร้างขึ้นเพื่อเป็นสักขีพยานในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างกรุงศรีอยุธยา(สมัยพระมหาจักรพรรดิ)และกรุงศรีสัตนาคนหุต (เวียงจันทน์) สมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช  สมัยที่พม่าเรืองอำนาจ และมีการรุกรานดินแดนต่าง ๆ เพื่อขยายอำนาจ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิและพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช จึงเห็นตรงกันที่จะรวมกำลังเป็นพันธมิตร เพื่อต่อสู้กับพม่า จึงทรงกระทำสัตยาธิษฐานว่าจะไม่ล่วงล้ำดินแดนของกันและกัน และเพื่อเป็นที่ระลึกในการทำไมตรีต่อกัน จึงได้ทรงร่วมกันสร้างเจดีย์ขึ้นเป็นสักขีพยาน ณ กึ่งกลางระหว่างแม่น้ำน่านและแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นรอยต่อของทั้งสองอาณาจักร โดยการสร้างเจดีย์ขึ้นและให้ใช้ชื่อว่า  พระธาตุศรีสองรัก ซึ่งตั้งเด่นเป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิต ความเชื่อ มาจนถึงปัจจุบัน
        พิพิธภัณฑ์ผีตาโขนตั้งอยู่ภายในวัดโพนชัย ตั้งอยู่ที่เลขที่  85 บ้านเดิ่น ถนนแก้วอาสา หมู่ที่3  อ.ด่านซ้าย  จ.เลย พระธาตุศรีสองรัก ตั้งอยู่ที่รัก ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำหมัน ห่างจากตัวอำเภอด่านซ้ายประมาณ 1 กิโลเมตรเท่านั้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร
        การเดินทาง สู่ อ.ด่านซ้ายก็ไม่ยากครับ เดินทางสะดวกสบายตลอดเส้นทางเดินทางโดยรถยนต์ เดินทางมาจากเพชรบูรณ์ ใช้เส้นทางหมายเลข 21 ผ่าน อ.หล่มสัก อ.หล่มเก่า จากนั้นเดินทางบนทางหมายเลข 203 สู่ อ.ด่านซ้าย  เดินทางมาจากพิษณุโลก ใช่ทางหมายเลข 12 จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหมายเลข 2013 ผ่านอ.นครไทยมุ่งสู่ อ.ด่านซ้ายได้เลย ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น